Skip to content

Tips mobile

สาระ ทริค ข่าวสาร แวดวงมือถือ

Menu
  • หน้าแรก
Menu

รู้ได้อย่างไรว่ากำลังเป็นโรค “กลัวการขาดมือถือ” (Nomophobia) อยู่หรือไม่

Posted on 01/04/2020 by staffza

โทรศัพท์มือถือในยุคปัจจุบัน สามารถให้ความสะดวกสบายมากมายกว่าการใช้เพื่อพูดคุยติดต่อสื่อสาร โทรศัพท์มือถือสามารถโอนเงิน – จ่ายเงินได้ ดูหนัง-ฟังเพลง หรือใช้เรียนหนังสือได้ และยังใช้ทำงานหรือประชุมทางไกลได้อย่างไม่มีข้อจำกัด นั่นจึงทำให้โทรศัพท์มือถือกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของการใช้ชีวิตสำหรับผู้คนยุคดิจิทัลไปแล้ว

ผู้คนจำนวนมากที่ต้องติดโทรศัพท์มือถือไว้กับตัว และต้องคอยตรวจสอบข้อมูลบนหน้าจอโทรศัพท์แทบตลอดเวลา จนเริ่มมีผลกระทบต่อพฤติกรรม กระทบต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ เข้าข่ายเป็นอาการของโรคกลัวการขาดมือถือหรือ “โนโมโฟเบีย” (Nomophobia) ที่กำลังเกิดขึ้นกับผู้คนในยุคดิจิทัลนี้

โนโมโฟเบีย (Nomophobia) มาจากคำว่า No mobile phone phobia เป็นอาการที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการหวาดกลัว วิตกกังวล และกระสับกระส่าย เมื่อต้องอยู่โดยไม่มีโทรศัพท์มือถือ ในทางการแพทย์ถือว่าอาการนี้ถือเป็นปัญหาที่กระทบต่อสุขภาพจิต ในแง่ของความวิตกกังวล และกำลังจะมีการเสนอให้เป็นโรคในกลุ่มจิตเวชอีกด้วย

ลักษณะอาการที่เข้าข่าย โรคโนโมโฟเบีย

– ต้องพกโทรศัพท์มือถือติดตัวไว้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะไปในที่ใด ๆ ก็ตาม จะต้องมีโทรศัพท์มือถืออยู่ใกล้ ๆ ไม่เว้นแม้แต่การเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ก็จะต้องพกโทรศัพท์ไปด้วย

– ต้องเช็คข้อมูลจากโทรศัพท์ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเรื่องการงานสำคัญหรือข้อมูลทั่วไปในสื่อโซเชียลเน็ตเวิร์ก อย่างเฟซบุ๊ก หรืออินสตาแกรม บางคนยังต้องอัพ Status ของตัวเองบ่อย ๆ เพื่อให้ดู Active อยู่ตลอดเวลา

– ตื่นมาในตอนเช้า จะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาเปิดและเช็คดูข้อมูลในโทรศัพท์เป็นภารกิจแรก และจะวางโทรศัพท์เป็นสิ่งสุดท้ายก่อนนอนเสมอ หลายคนยังเปิดโทรศัพท์ไว้ตลอดคืนโดยไม่ยอมปิด

– ใช้ชีวิตในการพูดคุยติดต่อกับผู้คนทางโทรศัพท์มือถือมากกว่าผู้คนรอบตัวในชีวิตจริง ทั้งการแชตไลน์และคอมเมนต์โต้ตอบเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านสื่อโซเชียล ซึ่งทำให้คนที่เป็นกลุ่มโนโมโฟเบีย จะมีเพื่อนและคนรู้จักในโลกออนไลน์มาก ตรงข้ามกับจำนวนเพื่อนที่มีในชีวิตจริง

– มีความกังวลสูงเมื่อหาโทรศัพท์มือถือไม่เจอ จะกระสับกระส่าย ไม่มีสมาธิทำงานหรือกิจกรรมอื่น ๆ หากว่ายังหาโทรศัพท์มือถือไม่พบลักษณะอาการที่เข้าข่าย โรคโนโมโฟเบีย

หากพบว่าตนเองเริ่มมีสัญญาณ 5 ข้อนี้ ก็หมายความว่าเริ่มมีอาการของโรคโนโมโฟเบียแล้ว ควรต้องรีบแก้ไขไม่ให้ติดโทรศัพท์มากไปกว่าที่เป็นอยู่ เพราะจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพมากขึ้น ซึ่งการแก้อาการโนโมโฟเบีย สามารถทำได้ด้วยการปรับพฤติกรรมดังต่อไปนี้

1. หากิจกรรมอย่างอื่นทำ เช่น ออกกำลังกาย ไปทำกิจกรรมกับเพื่อน ๆ หรือ ไปทานอาหาร ดูหนัง ฟังเพลง

2. ตั้งกติกาให้ตัวเองและกลุ่มเพื่อน เช่น จะไม่หยิบโทรศัพท์มาดูในช่วง 1 ชั่วโมงที่นั่งคุยอยู่ด้วยกัน หรือ ตั้งกฎให้ตัวเองต้องวางโทรศัพท์มือถือ 30 นาที ทุก ๆ 2 ชั่วโมง

3. ไม่นำโทรศัพท์มือถือเข้าไปในห้องนอน และปิดโทรศัพท์ในตอนกลางคืน

คนยุคดิจิทัล ควรเริ่มสำรวจอาการโนโมโฟเบียของตัวเองเสมอ ๆ และรีบแก้ไขพฤติกรรมอย่างเร่งด่วน เพื่อสร้างสมดุลที่ดีให้กับทั้งชีวิตจริงและชีวิตในโลกออนไลน์

โพสต์มาใหม่

  • โหมด Airplane ในมือถือคืออะไร สำคัญแค่ไหนที่เราต้องรู้?
  • พลาดไม่ได้มือถือรุ่นใหม่จาก 3 แบรนด์ดัง เตรียมเปิดตัวปี 2021 แน่นอน
  • โรคที่เกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือ
  • เหตุผลที่มือถือเป็นตัวช่วยสร้างอาชีพผ่านแอปพลิเคชันขนส่ง
  • ทำไมคนยุค 2020 จึงมีพฤติกรรมติดมือถือ

คลังเก็บ

  • ธันวาคม 2020
  • พฤศจิกายน 2020
  • ตุลาคม 2020
  • กันยายน 2020
  • กรกฎาคม 2020
  • เมษายน 2020
  • มีนาคม 2020
  • กุมภาพันธ์ 2020
  • มกราคม 2020
  • ธันวาคม 2019
  • พฤศจิกายน 2019
  • ตุลาคม 2019
  • กันยายน 2019
  • สิงหาคม 2019
  • กรกฎาคม 2019
  • มิถุนายน 2019
  • เมษายน 2019
  • มีนาคม 2019
  • มกราคม 2019

หมวดหมู่

  • samsung
  • ความรู้ในการใช้มือถือ
  • นานาความรู้
  • มือถือ
©2021 Tips mobile | Built using WordPress and Responsive Blogily theme by Superb